เที่ยวแบบ...ชิวๆ
ก่อนจะเข้าสู่ตำนานของแหลมสิงห์ ก็ขอบอกก่อนว่าอำเภอแหลมสิงห์มีอยู่ด้วยกัน7ตำบล คือ
| 1 ต. | ปากน้ำแหลมสิงห์ |
|
|
|
|
|
| |
| 2.ต. | เกาะเปริด [เกาะ-เปฺริด] | | |
| | |
| |
| 3.ต. | หนองชิ่ม | | |
| | |
| |
| 4.ต. | พลิ้ว | | |
| | |
| |
| 5.ต. | คลองน้ำเค็ม | | |
| | |
| |
| 6.ต. | บางสระเก้า | |
|
| | |
| |
| 7.ต. | บางกะไชย | | |
| | |
|
ซึ่งแต่ละตำบลก็จะมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจ อย่างเช่นน้ำตกพลิ้วอยู่ที่ต.พลิ้ว ,เสื่อเครื่องจักรสานอยู่ที่ต.บางสระเก้าเป็นต้น ส่วนที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจจะตั้งอยู่ที่ต.ปากน้ำแหลมสิงห์
ย้อนอดีตไปสมัยฝรั่งเศษยึดครองเมืองจันทบุรีปีพศ2436หรือรศ122ฝรั่งเศษได้มาตั้งฐานทัพที่บริเวณต.ปากน้ำแหลมสิงห์ ซึงปัจจุบันยังคงมีหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่นคุกขี้ไก่ ตึกแดงที่นักท่องเที่ยวต่างมาเยี่่ยมเยือนกัน
ฝรั่งเศสยึดอำเภอแหลมสิงห์อยู่ประมาณ 10 ปี จึงถอนกำลังออกประมาณ พ.ศ. 2446 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 5)ที่ผ่านมายังไม่เคยพบลูกครึ่งฝรั่งเศษเลย..ฮ่าๆๆ
คุกขี้ไก่ ต.ปากน้ำแหลมสิงห์
ตึกแดง ต.ปากน้ำแหลมสิงห์
ศูนย์ศิลป์เสื่อ ต.บางสระเก้า
น้ำตกพลิ้ว ต.พลิ้ว
ต.เกาะเปริดและ ต.หนองชิ่ม
ทีนี้มาเข้าสู่เรื่องเล่าตำนานของแหลมสิงห์
ชื่อ "แหลมสิงห์" มาจากหินธรรมชาติที่มีรูปลักษณะคล้ายกับสิงโตหมอบ 2 ตัวที่ปากอ่าวแหลมสิงห์
หัวสิงห์ที่เขาแหลมสิงห์
อีกด้านของภูเขาแหลมสิงห์
อำเภอแหลมสิงห์ เหตุที่ใช้ชื่ออำเภอแหลมสิงห์ก็มีตำนานเล่าสืบทอดกันมา คำว่า "แหลม" หมายถึงพื้นที่ดินที่ยื่นออกไปในทะเล ส่วนคำว่า “สิงห์” หมายถึงหินที่มีรูปร่างเป็นตัวสัตว์ และมีตำนานเล่าว่าเมื่อก่อนสิงห์ที่เป็นหินนี้ เป็นสิงโตที่มีชีวิตจริงๆ เป็นสิงห์ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว อาศัยอยู่บนเขาแหลมสิงห์ (เขาแหลมสิงห์เป็นเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ มีทะเลล้อมรอบเขา น้ำกั้นกลาง สมัยก่อนสามารถเรียกตะโกนกันได้ยินปัจจุบันแม่น้ำได้กว้างขึ้น) สิงโตคู่นี้จะไปด้วยกันเสมอและจะลงมาที่ชายหาดมากินน้ำเล่นน้ำและเดินเล่นด้วยกันในตอนเช้าและตอนเย็นทุกวัน ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสมายึดแหลมสิงห์ มองเห็นสิงโตยืนอยู่จึงใช้ปืนยิงตายไป1ตัว ส่วนอีก 1 ตัว เมื่อเห็นคู่ของตนตายลงจึงเสียใจเลยมานั่งเฝ้าจนตาย และต่อมาร่างก็กลายเป็นหิน ในท่าหมอบมาจนถึงปัจจุบัน
ชาวบ้านจึงพากันเรียกชื่่อว่าเขาแหลมสิงห์ตั้งแต่นั้นมา โขดหินรูปสิงห์สมัยก่อนจะสวยงามมาก แต่กาลเวลาและคลื่นลมได้เซาะพังไปจนผิดสภาพเดิม แต่ก็ยังมองออกว่าเป็นรูปสิงห์(บางตำนานบอกว่าตัวที่วิ่งลงน้ำเมื่อตายไปก็กลายเป็นหินส่วนอีกตัวที่ถูกยิงตายก็เป็นหินแต่ได้ปรักหักพังไป) และบนยอดเขานี้จะเป็นจุดสังเกตุสำหรับการเดินเรือโดยมีประภาคารเปิดไฟกระพริบในยามค่ำคืน
คนเฒ่าคนแก่เคยเล่าให้ฟังว่าสาเหุตที่ทำให้โขดหินรูปสิงห์ผิดแปลกไปเพราะว่าทหารฝรั่งเศษใช้ปืนเรือยิงเพื่อทดสอบความแม่นปืน
ตามประวัติศาสตร์สมัยนั้นบอกว่ารัชกาลที่5เคยเสด็จมาทีแหลมสิงห์แต่เป็นอีกบริเวณหนึ่งซึ่งเรียกว่า ท่าเขา
สะพานตากสินมหาราชหรือสะพานแหลมสิงห์
สะพานตากสินมหาราชหรือสะพานแหลมสิงห์ เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างต.ปากน้ำแหลมสิงห์กับต.บางกะไชยเเละเลยไปอ่าวยาง อ่าวกระทิง คุ้งวิมานอ่าวคุ้งกระเบนและหาดเจ้าหลาวตามเส้นทางถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิศบริเวณเนินนางพญา
เที่ยวแบบ ชิวๆ คราวหน้าจะมาแนะนำอ่าวยาง อ่าวกระทิง ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่มีบรรยาศแบบเดิมๆกลิ่นไอของธรรมชาติบริสุทธิ์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่.....แล้วกลับมาติดตามขอบคุณครับ
